2552/10/09

My Diary in China 2003 # 4

วันที่ 17 มีนาคม 2548

6.30 น. ตื่นนอน ตื่นสายค่ะ แถมยังดูนาฬิกาผิดอีกต่างหาก ดูเป็นหกโมงเลยไม่รีบลุก มีป้าซูซี่ลุกขึ้นมาอาบน้ำ ล้างหน้าคนเดียว พอป้าตาสว่าง เริ่มมองนาฬิกาปาด 7 โมงแล้ว ใช่หกโมงซ่ะที่ไหน ไม่แน่ใจวิ่งไปดูห้องอื่น แม่เจ้า ชาวบ้านเขาลงไปกันหมดแล้ว สายแล้ว เฮ้อ… กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เกือบ 7โมงครึ่ง รีบเดินไปกินข้าวที่โรงอาหาร ก็มี น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ไข่ต้ม ขนมแป้งทอด แล้วก็แป้งปิ้ง (คล้ายๆ โรตี-รสออกเค็มๆ) กินข้าวเสร็จ 7.45 น. ก็รีบขึ้นห้องเรียน ปรากฏว่าอาจารย์มารอก่อนแล้ว

วิชาแรกเริ่ม 8.00-9.50 น. เรียนเกี่ยวกับสภาพมนฑลยูนนาน ก็ยังไม่ค่อยยากนะ ช่วงแรกๆ แต่ต่อๆ ไปคงจะยากขึ้น เรียนไปประมาณครึ่งชั่วโมง จะมีเสียงออดดังให้พักได้ 10 นาที แล้วกลับมาเรียนต่อ
10.10 – 12.00 น. เรียนบทสนทนากับ อ.ภา (เจ้าเหล่าซือ: Laoshi Zhao) สอนเกี่ยวกับการส่งจดหมาย มีฝรั่งมาเรียนด้วย 3 คน เห็นว่าเป็นครูพิเศษสอนภาษาอังกฤษ พูดจีนได้นิดหน่อยแต่สำเนียงไม่ชัด เวลาเรียน อ.ภาก็จะบอกหรือเขียนความหมายเป็นภาษาไทยให้ พวกเราก็เลยต้องแปลเป็นอังกฤษให้ฝรั่ง เพราะ อ.ภาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่พูดไทยได้นิดหน่อย

จากนั้นก็พักทานข้าวเที่ยง พอเที่ยงครึ่งก็ขึ้นไปงีบบนห้อง 13.15 น. ก็ตื่นมาล้างหน้า จัดผม เตรียมตัวไปเรียนต่อตอน บ่ายสอง

ออกจากห้อง 13.40 น. ขึ้นห้องเรียน เรียนพูดจีนกับ อ.ใช่หลิง (Cai Ling Laoshi) จนถึงบ่ายสามสี่สิบ ก็ย้ายไปเรียนไทเก็กที่สนามบาส แดดร้อนมาก อาจารย์ก็ดุๆ ตอนแรกเห็นบอกว่าให้วิ่งรอบสนาม 2 รอบ เราวิ่งไม่ได้เลยบอกอาจารย์ - อ.เลยให้ไปนั่งดูเพื่อนๆ เรียน (หลินหลินช่วยบอก อาจารย์หม่าอี้ให้ แล้วอ.หม่าอี้ก็บอก อาจารย์จีนที่สอนไท้เก็กให้อีกทีหนึ่ง)

แต่ดูแล้วไปๆ มาๆ ไม่เห็นมีวิ่งเลย มีวอมอัพ แล้วก็สอนรำ 3 ท่า ดูแล้วยากมากๆ มีเพื่อนๆ หลายคนถึงกับบ่นออกมา อ.หม่าอี้เองก็ไม่พอใจ เพราะอาจารย์ที่สอนแสดงกิริยาไม่สุภาพ ตอนท้ายเลยปรึกษากันว่าจะขอเปลี่ยน แต่ยังตกลงกันไม่ได้ เลยให้ไปกินข้าวเย็นกันให้เสร็จก่อนค่อยมาตกลงกันใหม่ (ไทเก็กเริ่มเรียนตอน 16.30 น. เพราะมัวแต่เดินย้ายสนามเลยช้า)

18.30 น. หม่ำมื้อเย็นเสร็จก็ลงมาประชุมกันที่หน้าหอ ได้ใจความว่า ให้เรียนไทเก็กไปก่อน แต่จะบอกให้ อาจารย์สอนให้ช้าและน้อยลง เหลือแค่ 1 ท่า ถ้าไม่ไหวกันจริงๆ ค่อยเปลี่ยน

19.00 น. ประชุมเสร็จก็ออกไปช็อปแถวๆ มหาลัยนี้แหล่ะ เดินไปเรื่อยๆ เจอร้านรองเท้าผ้าใบมือสอง คู่ละ 20 หยวน (เท่ากับ 100 บาท) สวยดี ก็เลยซื้อมาคู่หนึ่ง ตอนแรกก็ลังเลอยู่เหมือนกัน แต่จำเป็นนะก็เราเอาบู๊ทไปคู่เดียวเองนิ (ตอนหลังเดินไปเจออีกร้านเป็นมือ1 ราคาเท่ากันเลย รู้สึกเสียใจว่าทำไม ตูไม่ต่อราคาเขาก่อนซื้อฟ่ะ) เดินเข้าซอยนู้น ออกซอยนี้ดูไปเรื่อย ช็อปไปด้วย เจอคนคุ้นหน้าก็ทักทายกัน แล้วก็เดินต่อ

ไปเรื่อยๆ จ๊ะร้านของกินเต็มเลย มีร้านหมูย่างบุ๊บแฟ่ ด้วย คนละ 10 หยวน แต่เป็นเตาปิ้งแบบธรรมดา เหมือนเตาไดโดม่อนสมัยก่อน แล้วก็ข้ามมาเดินฝั่งประตูใหญ่ ไปร้ายเครื่องเขียน คนขายอัธยาศัยดีมาก เขาถามเราประมาณว่าเป็นคนไทยใช่ไหม เราก็ว่าใช่ แล้วเขาก็ชวนคุยต่อ ถามนู้นนี้ ฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้าง อย่างบางทีเราตอบเขาแบบ ผิดๆ ถูกๆ เขาก็ช่วยแก้ประโยคให้ ว่าจริงๆ แล้วออกเสียงแบบนี้ พูดว่าอย่างนี้ต่างหาก พอหอมปากหอมคอ สักพักก็ บ้าย บาย กลับห้อง อาบน้ำนอน

ปล. คืนนี้ไปอาบน้ำที่ห้องดาด้ามา She กำลังถูพื้นอยู่เลยถามเราว่าเท้าดำอ่ะเปล่า เราก็ว่าไม่ แล้วก็เข้าไปอาบน้ำ สระผม น้ำเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น สุดยอด แล้วก็กลับลงมาดริ้งค์ไมโลก่อนนอน นั่งๆ นอนๆ เขียนบันทึก ซักพักก็เข้าสู่นิทราคาสมุด (เพราะเขียนบนเตียงอ่ะ- ความสามารถพิเศษเขียนไปหลับไป) ก็ประมาณสี่ทุ่มแหล่ะที่หลับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น