วันต่อๆ มาหลังจากนี้ไม่ได้เขียนบันทึกไว้แล้ว แบบว่าเริ่มขี้เกียจ จะมีก็แต่จดรายจ่ายกับโน้ตสั้นๆ ไว้ก็เท่านั้น แล้วก็มาแต่งเพลงบ้าง เรื่อยเปื่อยไปเรื่อย อย่างวันที่ 6 เมษายน ก็ได้ เซย์ hi! กับหนุ่มเสื้อแดงชั้นสอง วันที่เก้าติงพาไปดูงานวันสงกรานต์ที่ไหนก็ไม่รุ กว้างมากๆ เลย มีเดินพาเหรดเห่พระพุทธรูปให้สรงน้ำ มีลานจัดเตรียมโอ่งใบใหญ่ยักษ์บรรจุน้ำเต็มเปี่ยมไว้ให้เล่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปเล่นเพราะกลัวเปียกซ่ะงั้น ต่อด้วยไปนั่งชมเค้าแสดงดนตรี และอื่นๆ เรียกได้ว่าโดดเรียนกันไปเที่ยวมันส์หยด อ่ะไม่ช่าย... หล่าวซือเค้าอนุญาตให้เป็นพิเศษต่างหากเล่า เฉพาะเด็กไทยเท่านั้นแหล่ะ ส่วนเด็กจีนก็ได้แต่นั่งตาปริบๆ เรียนกันต่อไป จนหมดวัน
วันถัดมาพวกเด็กจีนก็มาชวนเล่นน้ำสงกรานต์กัน แรกๆ ก็วิ่งสาดกันหน้าหอ แต่ไหงวิ่งไปวิ่งมา กลายเป็นวุ่นกันรอบมหาลัยเลย แบบว่าไม่มีใครย่อมใคร หนีไปสาดไป ถนนหน้าหอ กระไดห้องพักเปียกหมดเลย เสียงก็ดังสุดๆ ติงไม่ว่าหรอก แต่อาจารย์คุมหอฝั่งตรงข้ามอ่ะดิโวยแหลกเลย หมดหนุกกัน เลิกๆ ไปเปลี่ยนผ้าและพักผ่อนกันดีกว่า วันที่ 19 ได้รู้จักกับหนุ่มหล่อที่ชอบเป่าปี่(จริงๆ เขาเป่าขลุ่ยจีนนะ) ซึ่งพำนักอยู่หอฝั่งตรงข้ามชั้นสาม คุยกันเล็กน้อยแบบงงไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ได้เบอร์มาหล่ะ อิอิ
วันที่ 24 โทรหาตานั้นเป็นครั้งแรกแบบว่ากะจะให้พาไปซื้อขลุ่ยเสียหน่อยแต่ตานี้ไม่ยอมพาไป หลอกให้เรานั่งรอเก้อสุดท้ายเจอคนขี่จักรยานมายื่นขายขลุ่ยหน้าทางเข้าโรงอาหารก็เลยซื้อมันตรงนั้นแหล่ะ เลือกมันมั่วๆ แบบตามใจฉันมาสองอัน เป็นขลุ่ยไม้ลายมังกรยาวมากๆ กับขลุ่ยเหล็ก หรืออลูมิเนียมก็ไม่รุป้าบอก เห็นตานั้นใช้แบบนี้อยู่น่าจะดีว่าแบบไม้ซึ่งก็จริง ที่รู้เพราะตอนหัวค่ำลงมานั่งเม้าท์หน้าหอ เจอตานั้นเดินลอยผ่านเลยกวักมือเรียกให้มาสอนเป่า พี่ท่านก็ยอมแต่โดยดี แต่สงสัยจะเขินเลยไปลากเพื่อนซี้มาเป็นเพื่อนร่วมวง ที่แน่ๆ วันนี้ก็ได้รู้ว่าตานี้และเพื่อนกะลอนกันสุดๆ ก็พี่ท่านแปะรูปสาวที่คาดว่าจะเป็นแฟนไว้ซ่ะเด่นหลากลางขลุ่ย พอโดนทักก็เกี่ยงกัน ว่าไม่ใช่แฟนผม แฟนคนนู้นชี้ๆ โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา สุดท้ายพี่ท่านเลยแกะรูปสาวทิ้งซ่ะงั้น ทำไปได้
วันที่ 27 เมษายน วันนี้ได้พบสบตาปิ้งๆ กับตาเป่าปี่อีกแล้ว เรียนมาตั้งนานเพิ่งจะรู้นะเนี๊ยะ ว่าตานี้ก็เรียนอยู่ตึกติดกับพวกเรา บางคาบก็เรียนตึกเดียวกับ แถมบางวันก็เรียนห้องติดกันอีกด้วย ช่วงนี้เริ่มจะกลายเป็นยัยโรคจิตพอถึงช่วงพักก็จะออกมายืนนอกระเบียง ชมนู้นชมนี้ ทำเป็นออกมายืดเส้นยืดสายคุยกับเพื่อนสาว แต่จริงๆ แล้วแอบมองหนุ่มต่างหากเล่า
วันที่ 30 ได้หยุดเนื่องในวันแรงงาน 1 อาทิตย์เต็มๆ เลย มาเรียนชดเชยกันอีกทีก็วันเสาร์ที่ 8 โน้น วันหยุดวันแรกหล่าวซือพาไปซีซาน เดินขึ้นลงเขากันมันเลย ของขายกลางทางก็เยอะ วันนั้นเลยเสียตังค์ไปไม่น้อย มีแต่ของติงต๊องไร้สาระทั้งนั้น พอถึงบ้านก็กระจัดกระจายหายหมด เหลือก็แต่โปสการ์ด ที่ไปยื่นเลือกซื้ออยู่นานสองนาน แถมนิสัยเสีย แอบเอารูปนั้นมาใส่กล่องนี้ รูปนี้ไปใส่กล่องนั้นเสียอีก ประมาณแอบยืนคัดลายสวยๆ ใส่กล่องที่จะซื้ออ่ะ ดีนะแม่ค้าได้โวยวายไม่รู้ว่า คนขายจะรู้หรือเปล่า แต่ยังไงก็ซื้อของเค้า หล่ะนะ บ่ายกลับมาพักสักพักก็ออกไปเอาพัสดุที่ให้ที่บ้านส่งมาให้ แต่ละอย่างไม่โดนใจเลยสัดนิด ส่งมามัยเนี๊ยะ เปลื่องตังค์ชะมัดเลย สั่งอย่างได้อย่างอ่า...
วันต่อๆ มาก็ นอนกลิ้งไป กลิ้งมาในห้อง ก็มีแวบออกไปช็อปบ้าง ทั้งที่หล่าวซือสั่ง ว่าช่วงวันหยุดนี้อย่าไปเที่ยวไกล นอกเขตมหาลัย เพราะวันหยุดคนมันเยอะ มิฉาชีพก็เยอะ อันตราย แต่พวกเราก็ยังแวบไปย้ำต๊อกแถวคาร์ฟูร์ ตลาดนก วอร์มาร์ท และแถวร้านหนังสือที่จินจงพาไปจนได้ ก็แถวนั้นเสื้อผ้าสวยๆ มันเยอะดีอ่ะ
วันไหนไม่รุนั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆ หน้าหออยู่ดีๆ ก็เจอพวกวันคุนลี่และหวู่กางเมามากับเพื่อนๆ กลิ่นเหล้างี้หึ่งเลย มีอยู่คนนึงพี่ท่านมาปิ้งปังจะขอเราเป็นแฟน แต่สงสัยเขินไม่กล้าคุยด้วยตรงๆ ให้วันคุนลี่มานั่งกลางเป็นพ่อสือบวกเป็นล่ามแปลให้ ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอกันแล้วครั้งนึ่ง เค้ามายืนคุยกับหวู่กางเราก็คุยเรื่อยคุยเล่นอยู่แถวนั้นพอจะขึ้นห้องก็เลยไปทักก่อนลา ไอ้เราก็นะช่างสังเกต ก็ตานี้แหล่ะจ้องเราอยู่ได้แล้วก็แอบกระซิบกระซาบกับเพื่อนๆ เราเลยถามหวู่กางไปว่าทำไมมีอะไรหรือเปล่า แบบว่ามองหน้าฉันทำไม หวู่กางว่าจะให้ผมพูดจริงๆ หรอ ส่วนตานั้นก็ยืนบิดไปบิดมา ทำท่าจะปิดปากเพื่อน แต่สุดท้ายก็หลุดออกมา
“คุณน่ารักดี เค้าอยากจุ๊บคุณนะได้ไหม”
เจองี้อึ้งสิค่ะ ต่างฝ่ายต่างอาย อยู่ไม่ได้แล้วเผ่นโลด แบบว่าไม่ใช่สเป็กฉานนี้หนา ถึงใช่ฉันก็ไม่ให้ Kissหรอก จะบ้าหรอคนเพิ่งเคยเห็นหน้า ยังไม่ทันรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ เค้าเป็นหญิงไทยใจงามนะ ต่อให้รู้จักกันแล้วก็เหอะฉันไม่ทำหรอก ไม่เคยอ่า ทำไม่ได้หรอกค่ะ เขินตายเลย
กลับมาคืนวันหนุ่มรุก สองหนุ่มกระซิบกระซาบ คุยกันเชิงว่านะๆๆ ช่วยจีบสาวคนนี้ให้หน่อย แบบว่าตัวเล็กพอจะดูออกเล็กน้อย อ่ะค่ะ แต่ก็แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ แบบว่าขอโทษนะค่ะคุณรู้จักฉันช้าไป เพราะตอนนี้ฉันกำลังตกหลุมตาเป่าปี่อยู่ อันนี้คิดในใจนะ ที่ตอบเค้าไปจริงๆ คือ เราเป็นเพื่อนกันก่อนดีกว่าไหม ถ้าอยากรู้จักตัวเล็กเย็นๆ ก็มานั่งแถวนี้สิ ตัวเล็กลงมาแทบทุกวันแหล่ะ แต่ตัวเล็กคุยไม่เก่งนะ ที่ลงมาก็ลงมานั่งฟังเค้าเม้าท์กันนะ
ตานี้ก็ พยายามขอเบอร์ ขอแลกเปลี่ยนอีเมล์ เสียยกใหญ่ แต่ขอโทษค่ะ ตอนนั้น เมล์ส่วนตัว ตัวเล็กยังไม่มีเลย จริงๆ ว่าจะสมัครหลายทีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ จะจดเมล์ตานั้นก็ไม่มีกระดาษให้จดอ่ะค่ะ ปากกานะมีค่ะ แต่ไม่อยากเขียนใส่มือให้มันเลอะ ขี้เกียจมานั่งถูออกทีหลัง พอดึกๆ หน่อยพวกหนุ่มๆ ก็พากันหิ้วปีกเพื่อนๆ กลับห้องและกลับบ้าน ส่วนตาคนนั้นสงสัยทำใจไม่ได้กับคำว่า “แค่เพื่อนเถอะนะ” เพราะตั้งแต่คืนนั้นตานี้ก็หายหัวไปเลย ตัวเล็กเลยอดได้เพื่อนคุยเลย เสียดายอ่ะ เค้าเก่งอังกฤษซ่ะด้วย รู้งี้จดเมล์เค้าไว้ก็ดีหรอก ไม่น่าเลย มัวแต่หลงปลื้มเสียงขลุ่ย
วันที่ 8 พฤษภาคม คราวนี้ถึงคราวตัวเล็กอกหักบ้างหล่ะ ก็ตอนไปซื้อข้าวกินตอนเที่ยง ดันเจอตาเป่าปี่มาสวีทกับแฟนในร้านเดียวกันเสียนี้ เฮ้อ...ก็เห็นเค้ามาก่อนหน้านี้แล้วหล่ะ ตอนเย็นเลยกะจะตัดใจ ไปตัดผมหาทรงที่มันคล้ายๆ กุมพาพันกับป้า ตอนจะไปก็เปลี่ยนชุดเป็นแนวเด็กผู้ชายสุดๆ เจอตาเป่าปี่หน้าหอด้วย ตานั้นเห็นเราแล้วอึ้งไปเลย แบบว่าเมื่อตอนกลางวัน ยัยนี้แต่งซ่ะหวานจ๋อย ไหงตกเย็นแต่งเป็นทอมบอยเสียหล่ะนี้ สีหน้าเค้าบอกประมาณนั้นแหล่ะ 555
ไปเลือกทรงที่ร้าน ช่างไม่ยอมตัดให้ซ่ะงั้นหล่ะ ทำเป็นหัวเราะกันทั้งร้านแล้วบอกทรงนี้ไม่ดีหรอก เดี๊ยวหาทรงให้ใหม่นะ แต่ตัวเล็กก็ยังยืนกรานจะเอาสั้นๆ ไม่รู้จะหาแบบยังไงแล้วเลยชี้ไปที่ช่างอีกคนในร้าน ประมาณว่าฉันจะเอาแบบนั้นอ่ะ ไม่วายช่างฮาแตกทั้งร้านอีกนั้นแหล่ะ เค้าจะจับตัดหน้าม้าให้เราแล้วให้ไว้ผมยาวเหมือนเดิมแค่เล็มปลายออกเล็กน้อย เราก็เลยทำหน้าไม่พอใจจริงๆ หน้าม้าด้านหน้าหน่ะ โอแล้วแต่ด้านหลังอ่ะขอสั้นๆ เลยได้ไหม แต่ภาษาจีนยังไม่คล่อง เลยได้แค่คำว่าเจียนต่วนๆ ตัดสั้นๆค่ะ สุดท้ายก็เลยได้ทรงเด็กผู้ชายมาแบบว่าสั้นสุดๆ เลย 15 หยวนค่ะ
เสร็จแล้วก็ไปนั่งจุ้มปุกหน้าหอ มีแต่คนมอง ตัวเล็กเปลี่ยนไป 555 เห็นข้างหลังนึกว่าเด็กผู้ชาย พอเห็นด้านหน้า พงะไปตามๆ กัน เลยแกล้งถามคนนู้นคนนี้ว่าตัดทรงนี้แล้วดูเป็นไงมั้ง บางคนก็ว่าแหมะดี ตัดสั้นๆ แล้วดูดี บางคนก็ว่าผมยาวดีกว่า แต่ประชามติส่วนใหญ่เห็นด้วยกับผมสั้น ขออย่างเดียวขอทรงที่มันดูป็นผู้หญิงหว่านี้สักนิดได้ไหม
วันต่อๆมา ดูถ้าการตัดผมเพื่อตัดใจ เป็นคนใหม่จะไม่ได้ผล แต่ก็ไม่ค่อยจะยอมรับความจริงสักเท่าไหร่ ของขวัญเอย จดหมายเอย แอบมอง นั่งมอง แอบฟัง นั่งฟัง ให้ตายเหอะอาการมันออกนอกหน้าขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวเลย จริงๆ นะ หลอกตัวเองแทบทุกวันว่าไม่ใช่นะ แค่ปลื้มเฉยๆ ไม่ได้ชอบ ไม่ได้รักเสียหน่อย ก็แค่อยากได้โน้ตเพลง โน้ตขลุ่ยมาไว้หัดเป่าอ่ะ จะขอให้เค้าเขียนให้เฉยๆ มันก็กะไรอยู่ เอาเป็นเอามาแลกกันนะ ก็ให้เป้าเขียนแกะโน้ตให้เพลงนึ่ง ดันได้เพลงเพื่อนสนิทมาซ่ะงั้น เอาก็เอา ว่าแล้วก็เขียนความหมายของเพลงแบบย่อๆ แถมไปให้ด้วยเลย พี่ท่านดันเข้าใจว่า เพื่อนเราแอบชอบเพื่อนเค้าเลยมากวักมือเรียกถามเราใหญ่พอเราบอกไม่ใช่ ก็ทำท้าจะไม่เชื่อหาว่าเราโกหกซ่ะงั้นหล่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง พอดีเห็นหญิงใหญ่ นั่งอยู่ตรงนั้นเลยให้ช่วยหน่อย สุดท้ายเค้าก็รับฟังแล้วก็ไป
ไอ้เราก็ด้วยความแบบว่าอะนะ ก็เลยไปนั่งแปลใหม่ จริงๆ ก็กะจะแกะเนื้อเป็นภาษาจีนนานแล้ว กะให้ตานี้อ่านออก ร้องได้ เลยเขียนใส่ซองพร้องแนบซีดีเพลงให้ฟังด้วยซ่ะเลยจะได้เป่าเพลงนี้ได้ พี่ท่านก็ดันเค้าใจผิดคิดว่าเราจะสารภาพรักขอเป็นแฟนเสียนี้ แถมดันเขียนจดหมาย ตอบกลับมาพร้อมคืนซีดีให้อีก ไม่มาคืนเองด้วยนะ ให้เพื่อนมาคืนให้แถมฝากคนอื่นอีก ที่ตอนเราอยู่ข้างล้างตั้งนานไม่ยอมเอามาให้ พอเราขึ้นห้องกลับเอามาให้ซ่ะงั้น เอามาคืนตอนวันเกิดเราพอดีเลย ด้วยความอยากรู้เลยเอาจม.คนหล่อไปให้คนนั้นคนนี้แปลให้ ได้ใจความแล้วก็อึ้งกิมกี่เลยฉัน
อกหักไม่ว่า แต่โดนเข้าใจผิดคิดว่าฉันอยากจะไปแทนที่ใครอันนี้รับไม่ได้ แถมวันนั้นยังได้ข่าวร้ายจากทางบ้านเรื่องป๊ากับม๊าแยกทางกันอีก เมาดีกว่าค่ะ อย่างนี้ต้องเมา แถมเพื่อนตัวดีที่ว่าจะจัดงานวันเกิดให้ก็หายหัวไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ หลอกให้เราไปซื้อของกินทิ้งวงเม้าท์ว่าจะขึ้นมากินให้เต็มคราบ อ้าย...มันหายพระเศียรไปไหนกันหมดเนี๊ยะ เจองี้ซึมสิค่ะ นั่งกระดกไวท์คนเดียวก็ได้ฟ่ะ คอยดูนะอีกครึ่งชั่วโมงถ้ายังไม่มากันแม่จะเทเบียร์ทิ้งให้หมด (คนอื่นชอบเบียร์ ตัวเล็กชอบไวท์ค่ะ แถมไวท์ที่นั้นทั้งถูกทั้งอร่อย ขวดไม่กี่หยวนแต่ใหญ่มากๆๆๆ แล้วมันจะเหลือหรือค่ะ แฮะๆ อารมณ์ครึมๆ งี้เจ้าแม่ซัดคนเดียวเกลียงค่ะ)
นั่งเซ็งได้สักพัก มาแล้วค่ะ เจอมุขเซอร์ไพร์ เพื่อนๆ แอบไปซื้อเค๊กมาให้ ไม่รู้จะดีใจ เสียใจ หรือ อะไรดี พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ฉันไม่ได้เป่าเค๊กมาหลายปีแล้ว เฮ้อ! ตอนอยู่กรุงเทพฯ บ้านรึหลังเบ้อเร่อ แต่ไม่ค่อยจะมีใครอยู่เลยค่ะ ตัวเล็กต้องอยู่คนเดียวมาโดยตลอด วันเกิดก็ฉลองเงียบๆ คนเดียวแทบทุกปี ตั้งแต่ย้ายบ้านมา ไม่รู้พี่น้องหายไปไหนหมด พ่อกับแม่ก็ต่างคนต่างอยู่มานานแล้วหล่ะ แต่ไม่ได้หย่าขาดจากกัน แค่อยู่กันคนละบ้าน ตอนตัวเล็กจะมาเรียนจีนยังย้ำไว้เลยว่าห้ามไปหย่ากันตอนตัวเล็กไม่อยู่นะ แต่ก็จนได้แหล่ะค่ะเศร้าเลย
เจอเข้าไปหลายอย่าง งานนี้เลยบ่อน้ำตาแตกท้วมห้องเลยค่ะ น่าอายมาก แต่การได้ร้องไห้แบบสุดๆ ปล่อยความเก็บกด อารมณ์กดดัน เศร้าโศก เสียใจ ดีใจ ออกมาในคืนนั้น มันช่วยได้เยอะเลยหล่ะค่ะ แม้เช้ามาตามจะบวมแดงไปนิด แต่อย่างน้อยใจมันก็ดีขึ้นหล่ะค่ะ จากที่มันเคยหนักคับอก เบาขึ้นเยอะเลยจริงๆ
วันต่อๆ มาทำใจได้ดีขึ้นเลยเขียนจดหมายตอบตาเป่าปี่ กะอธิบายให้ตานี้รู้ว่า คุณเค้าใจฉันผิดนะ ฉันมาเรียน มาเที่ยว ไม่ได้มาหาแฟน อีกไม่นานฉันจะกลับบ้านแล้ว จะอยากเป็นแฟนคุณไปทำไม อะไรประมาณนี้ เราก็ใส่ซองจ่าหน้าไปให้แนบไปกับแฟรนด์ชิฟ พี่ท่านก็เขียนให้นะแฟรนด์ชิฟอ่ะ แต่ดันไม่ยอมเปิดจดหมายอ่านเสียนี้ เซ็งเลยฉัน เอาตามใจอยากคิดไงก็เรื่องของYou จะว่าฉันยังไงก็เชิญเลย ไม่สนแล้วเดี๋ยวฉันก็กลับบ้านแล้วจะไปแคร์ทำไม
ย้อนกลับมาวันที่ 20 พฤษภาคม
วันนี้ไม่มีเรียนค่ะ ปิดคลาสแล้ว อยู่ในช่วงใกล้สอบ หล่าวซือให้หยุดพักอ่านหนังสือ พวกเราก็อ่านแล้วนะค่ะ อ่านเสร็จก็เลยแวบไปเที่ยวค่ะ วันนี้นัดจินจงไว้จะพาไปไหนก็ไม่รู้ไม่ยอมบอก พาอาจิ้งไปด้วยอีกคนค่ะ อ้าย...พาเดินอีกแล้วค่ะ แต่เดินไปคุยไปเลยไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ที่แน่ๆ เดินจนจากเขาไกลลิบๆ มาถึงตืนเขาเลยค่ะ โหย...ตึกอะไรเนี๊ยะหน้าตาแปลกๆ เงียบเชียบซ่ะ เจ๊งแล้วหรือเปล่าเงียบจัง(บรรยากาศมันวิเวกช่วนให้คิดจริงๆ ค่ะ อย่างกับตึกร้าง) พอเดินขึ้นชั้นสอง อ้อมีคนแล้ว ไม่เยอะมากนัก เค้าเล่นสนุกกันอยู่ค่ะ แล้วคนนำก็พาเดินขึ้นไปอีกที่ชั้นสาม แล้วบอกให้พวกเรารอตรงนี้สักพักเพราะเค้ายังไม่เปิด
รอๆๆ นานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ทันที่ ที่โซนนี้เปิดก็ถึงบางอ้อเลยค่ะ ว่าไอ้ที่หลอกพาเดินซ่ะไกลเนี๊ยะ พามาเล่นโรเลอร์เบสค่ะ ค่าเช่ารองเท้า 5 หยวน เล่นได้ทั้งวัน แต่ดูท่ารองเท้าจะมิเคยผ่านแฟ็บค่ะ แบบว่ากลิ่นหึ่งมาก ตอนเช่าเขาจะมีถุงพลาสติกแจกให้คนละสองใบ เอามาสวมเท้าก่อน เอาขางามๆ ยัดลงรองเท้าค่ะ จินจงกระซิบบอกให้เช่าแค่ 4 คู่ก็พอค่ะ ไม่ต้องเช่าทุกคน ให้พลัดกันเล่นเอา แต่ตอนหลังโดนเจ้าของร้านจับได้ เลยจะมาเก็บเงินเพิ่มค่ะ แต่สุดท้ายก็ได้จินจงเคลีย์จนไม่ต้องเสียเงินเพิ่มค่ะ ที่แรกพวกเราก็ไม่มีใครเล่นเป็นกันหรอกค่ะ ก็ได้จินจง กับ อาจิ้งนี้แหล่ะช่วยสอนจนพอเล่นได้ พอจะล้มหนุ่มๆ ก็จะรีบแล่นมาหิ้วปีกกันให้ค่ะ แรกๆ คนไม่ค่อยเยอะเค้าก็ยังไม่เปิดเพลง แต่พอเริ่มเย็น คนเริ่มเยอะก็เริ่มเปิดเพลงค่ะ
เล่นกันหนุกหนาน จนเหนื่อย ก็พากันกลับ แบบว่ามายังไง ก็กลับอย่างนั้นเป๊ะเลยค่ะ แค่เปลี่ยนเส้นทางเดินเล็กน้อย เพราะทางตอนขาไปมันเป็นถนนใหญ่ รถเยอะอันตรายค่ะ ขากลับจินจงเลยพาเดินถนนเล็กๆ รถไม่มาก ค่อนข้างโล่งปลอดภัยกว่า สรุปว่าวันนั้นกว่าจะถึงห้องพักเล่นเอาขาลากเลยค่ะ (เพื่อนเรานี้นะ ชอบหลอกว่าไม่ไกล ไม่ไกล ยังไง เล่นซ่ะน่องโป่งหมดเลยเฮ้อ...กรรม)
เดือนหกมาแล้วไว้มากๆ ใกล้จะถึงเวลากลับบ้านแล้ว การสอบวัดความรู้ก็มาแล้ว ทยอยมาตั้งแต่ตอนปลายเดือนพฤษภาคม หน้าดำคร่ำเครียดกันสุดๆ กลัวไม่ผ่าน แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ หุหุหุ พอสอบเสร็จก็ได้พักยาวเลยคราวนี้ ตะลอนทัวร์อาทิตย์สุดท้ายเฮฮาปาร์ตี้กันสุดๆค่ะ
วันที่ 10 มิถุนายน
หล่าวซือพาไปเที่ยวชมป่าหิน ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วอ่ะ มันมีแต่หินทั้งนั้นเลย หน้าตาก็ประหลาดๆ บางอันก็ง้ามงาม จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นธรรมชาติสรรสร้าง เดินๆ ถ่ายๆ มุมนู้น มุมนี้ วิวสุดยอดทั้งนั้น แต่ที่ดูจะสุดยอด (แย่) กว่า คือพุงค่ะ แบบว่า สาวๆ ในที่นี้หลายคน รวมทั้งตัวเล็ก กินดีอยู่ดีจัด มันเลยเริ่มฉุค่ะ อ้วนขึ้นนะตัวเล็กไม่ว่าหรอก แต่ช่วยขยายออกข้างให้มันสมส่วนได้ไหม อย่าออกแต่แก้มกับพุงสิค่ะถ่ายออกมาแต่ละรูปพุงล้ำหน้าทั้งนั้นเลยอ่าค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น