2552/10/09

My Diary in China 2003 # 13

วันที่ 11 – 14 มิถุนายน ทัวร์ต้าหลี่-ลี่เจียง


วันที่ 11 มิถุนายน 2548

เตรียมตัวออกเดินทางไปต้าหลี่ เวลา 20.30 น. รออาจารย์มาขึ้นรถ ออกจากมหาวิทยาลัยคุนหมิง เวลา 21.30 น. ไปถึงสถานีรถไฟตอน 21.50 น. สภาพสถานีกว้างมากๆ ดูหรูกว่าสนามบินอีก ห้องน้ำก็สะอาดใช้ได้ ดูดีกว่าที่เจอในสวนสาธารณะทั่วไป คนมารอขึ้นรถไฟเพียบเลยหล่ะ

รถไฟออกจากสถานีตอนประมาณ 22.00 น. เป็นรถตู้นอน ห้องแอร์ ช่องหนึ่งมีที่นอนๆ ได้ 6 คน ฝั่งละสาม ด้านข้างมีเก้าอี้ให้นั่งเล่น มีอ่างล้างหน้า ที่กดน้ำร้อน และห้องน้ำรวม มีเจ้าหน้าที่คอยเดินตรวจตรารักษาความปลอดภัยให้ และเปิดปิดไฟเป็นเวลา คือ ปิดตอนเที่ยงคืน แต่เราหลับก่อนตอนไหนก็ไม่รุ จำได้ว่าป้ามาปลุกขอกุญแจไขกระเป๋าเอาผีตัวเล็ก ให้เสร็จก็หลับยาวถึง 7 โมง ก็ไปล้างหน้า บ้วนปาก เตรียมของ

วันที่ 12 มิถุนายน 2548

ในที่สุดก็ถึงต้าหลี่ตอน 8.30 น. มีไกด์มารับ แบ่งเป็นสองกลุ่ม ขึ้นรถบัส 2 คัน ไปหม่ำมื้อเช้าที่ภัตรคาร เป็นอาหารบุฟเฟ่ ตักทานเอาเอง ก็อร่อยดีมีของเยอะมาก ทั้งข้าวผัด ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ ขนมปัง หมั่นโถว...โอ้...อิ่มสุดยอด

กินข้าวเสร็จแล้วก็ไป ต้าหลี่เฉิงซาน(Dali Sheng Shan.) ขึ้นกระเช้าไปเป็นคู่ๆ สูงมากๆ วิวสวยด้วย ก็ขึ้นไปไหวพระชมวิว แล้วก็จับเซียมซี (ที่อ่านไม่ออก) ไกด์ท้องถิ่นเป็นหนุ่มหน้าละอ่อน น่ารักมาก เพื่อนสาวทั้งหลายแอบกรี๊ดกันใหญ่เลย

ตอนขึ้นกระเช้ามาพอใกล้ๆ ถึงยอดเขาจะมาคนดักถ่ายรูป ถ้าเราดูแล้วชอบเขาก็จะปริ้นส์และเคลือบให้ใบละ 10 หยวน เจอเราต่อสอง ใบ 12 หยวน อ่ะได้ด้วยก็เลยเอามา เดินเที่ยวกันจนอิ่มหน่ำแล้วก็นั่งกระเช้าลงจากเขา แล้วก็ไปต่อที่เจดีย์สามองค์ ทางไปกันดารขรุขระมากเลย แต่สวยนะ ระหว่างทางขึ้นไปไหวเจ้าแม่กวนอิมด้านใน มีร้านขายโปสการ์ดอยู่สวยดี มีที่ปั้มวันที่ให้ด้วย มีไพ่รูปสถานที่ต่างๆ ด้วย กล่องใหญ่ 8 หยวน กล่องเล็ก 6 หยวน ต่อสองกล่องสิบ ไม่ได้เลย ได้แค่ 12 แต่ก็ซื้อมาเพราะมันโดนใจชอบอ่ะค่ะ ส่วนคนอื่นๆ เลือกซื้อโปสการ์ดคนละชุด เป็นชุดรวมสถานที่เที่ยวเด่นๆ 3 ที่ สวยมากๆ (ตอนหลังยังไงไม่รู้ อาจารย์ที่ปรึกษาเราเหมือนจะซื้อมาซ้ำ 1 กล่อง ท่านเลยยกให้ตัวเล็กเพราะเห็นว่าเราชอบสะสม จะด้วยแรงรัก เอ็นดู หรือพิศวาส อะไรก็ช่าง เอาเป็นว่า ตัวเล็กขอบคุณ และขอรับมาด้วยความยินดีค่ะ แบบว่าชอบอ่ะ ยิ่งฟรียิ่งชอบ หุหุ)

จากนั้นก็ไปทานมื้อเที่ยงเป็นโต๊ะกลม อาหารก็โอเค อิ่มแล้วก็ไปต่อด้วยร้านหินแปลก ของแพงมากๆ ดูแค่แป๊บเดียวก็ไปต่อที่บ่อผีเสื้อ แต่ไหงเจอผีเสื้อแค่นิดเดียวเองไม่รู้เป็นเพราะฝนเพิ่งหยุดหรือเปล่า ผีเสื้อเลยหายเกือบหมด ขากลับไปขึ้นรถก็มีของขายอีกตามเคย ช่วงแรกๆ จะเป็นของพื้นเมือง ขายรายทางเป็นหย่อมๆ แต่พอพนประตูสวนมาแล้ว จะเป็นลานกว้าง มีของขายเหมือนตลาดนัด คนขายช่างพูดและตื้อเก่งมากๆ แนะนำว่าถ้าไม่อยากเสียเวลาตรงนี้ก็ให้รีบๆ ปฏิเสธแล้วเผ่นออกมาโดยเร็วค่ะ
จากนั้นก็ไปชมละคร การละเล่น และวัฒนธรรมของคนชนชาติไป๋ ต่อด้วยชมหยกที่ร้านขายหยก ซึ่งไกด์บอกว่าของที่นี้เป็นของจริงและถูกกว่าทั่วไป แต่เราดูแล้วออกจะแพงเสียมากกว่านะนี้นะ จากนั้นก็มาเมืองโบราณของต้าหลี่ เป็นสถานที่ขายของแยะมากๆ มีกระเป๋าแบบที่ขายที่ป่าหินเลย ราคาก็พอๆกัน แต่ยิ่งเดินไกลๆ จะยิ่งถูก ตรงช่วงทางเข้าจะขายของแพงมาๆเลยหล่ะ จากนั้นก็มาโรงแรมกินข้าวเย็น กินเสร็จก็เข้าห้องพัก อาบน้ำนอนตอนเที่ยงคืนห้าสิบ

วันที่ 13 มิถุนายน

ตื่นนอนเวลาหกโมงเช้า อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฝัน เก็บสัมภาระใส่กระเป๋า ลงไปทานข้าวเช้าตอนเจ็ดโมง อิ่มแล้วก็ขึ้นรถออกเดินทางไปเมืองลี่เจียง (7.30 น.) ไปถึงเมืองตอน 11.50 น. ไปหม่ำมื้อเที่ยง แล้วก็เข้าที่พัก ปรากฏว่าสภาพไม่ถูกใจเลย แย่มากๆ อาจารย์เลยสั่งย้ายเปลี่ยนที่ใหม่ ตอนแรกตัวเล็กไม่รู้เลยเอาของออกจากกระเป๋ามาเรียงๆ พอเขาบอกให้ย้ายก็นะเก็บของแทบไม่ทัน เกือบโดนทิ้งแล้วไหมล่ะ แต่อย่างน้อยก็ได้อาบน้ำและนั่งพักเหนื่อยจนหายร้อนหล่ะนะ

จากนั้นก็ไปเมืองโบราณลี่เจียง บรรยากาศต่างจากที่ต้าหลี่มากเลย สิ่งก่อสร้างและบ้านเมืองที่นี่ปลูกและจัดเรียงดูดีมีระเบียบมาก รอบเมืองมีคูน้ำ แบบว่ามองไปทางไหนก็มีแต่คูน้ำ มีไกด์หญิงคอยแนะนำ บอกเล่าประวัติ และเรื่องราวต่างๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปเดินรอบๆ นัดพบที่กังหันตอน 18.30 น. แต่เราเดินดูของได้นิดเดียวก็เหนื่อยแล้ว เลยมาหามุมถ่ายรูปเล่น

พอประมาณ 18.45 น. ก็ไปขึ้นรถๆ ออกตอน 19.00 น. ไปกินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็เข้าที่พักโรงแรมใหม่ ตอน 20.00 น. ก็รับแจกจ่ายกุญแจแล้วก็แยกย้ายขึ้นห้องพักกันไป อาบน้ำนอน

วันที่ 14 มิถุนายน

ตื่นนอนเวลา 6.50 น. อาบน้ำ สระผม เก็บข้าวของแล้วลงมากินมื้อเช้าตอน 7.30 น. เป็นบุฟเฟ่อีกแล้ว ก็มีทั้ง ข้าวต้ม ข้าวผัด น้ำเต้าหู้ น้ำผลไม้ หมั่นโถว คุกกี้ ขนมปัง และผักผลไม้ ทานอิ่มแล้วก็ขึ้นรถออกเดินทางเวลา 8.30 น. ผ่านจัตุรัสที่มี “ป้ายที่ระลึกของชาวฮ่องกง” ที่เป็นรูปมือ พี่ไกด์เล่าว่า เนื่องจากเมื่อปี 1996 หลายๆ อำเภอได้ประสบภัยจากแผ่นดินไหว ชาวฮ่องกงจึงช่วยบริจาคเงินและสิ่งของเป็นจำนวนมาก ทางการจึงสร้างอุทยานและป้านขึ้นเป็นที่ระลึกค่ะ

นั่งรถต่อไปสักพัก ประมาณ 10.30 น. ก็มาถึงตรงธารน้ำตก พักรถ ถ่ายรูป ชมวิว กันสักพักก็ขึ้นรถต่อไปยังภูเขาหิมะมังกรหยก ซึ่งต้องต่อรถอีกคันของทางศูนย์จึงจะขึ้นไปบนเขาได้ ณ. ระดับหนึ่ง จากนั้นก็ต่อด้วยกระเช้าไปบนเกือบๆ ใกล้ยอดเขา ตอน 11.00 น.ไปเล่นหิมะ สวยดี (นุ้มๆ คล้ายน้ำเกล็ดน้ำแข็งช่องฟรีตที่บ้านเลย แต่อันนี้ละเอียดกว่า) ช่วงล่างๆ หิมะจะค่อนข้างสกปรก เพราะเป็นหิมะที่ตกนานแล้ว แถมคนเหยียบย้ำมาก็เยอะ ถ้าขึ้นไปใกล้ๆ ยอดอีกหน่อยจะสะอาดกว่า ก็ถ่ายรูปเล่นกัน แล้วก็ปั้นตุ๊กตา 1 ตัว ตัวไม่ใหญ่หรอก หิมะไม่มากพอ ก็หน้าร้อนหนี้ไม่ใช่หน้าหนาว คนที่ขึ้นไปบนยอดบอกว่า ข้างบนแดดแรง ร้อนมาก ข้างล่างนี้ยังดีกว่า ยังพอมีเมฆหมอกนิดหน่อยไม่ร้อน

ถ่ายรูปเสร็จ เล่นกันจนหนำใจแล้ว ก็นั่งกระเช้าลงจากเขาเหมือนเดิม 13.15 น. ก็ไปขึ้นรถ ไปทานมื้อเที่ยง กับข้าวมันมาก จานหลักเลย สามชั้น เบค่อน ขาหมู แล้วแต่จะเรียกนะ สไลด์เป็นแผ่นๆ ชุ้มซอสอมน้ำมัน อร่อยนะแต่เจอเข้าหลายๆ มื้อแล้วชักสยอง ร้อนๆ หนาวๆ เริ่มออกอาการปวดหมอง หล่าวซือเจสัน เลยไปหายามาให้เป็นยาเม็ดของจีนกินแล้วดีขึ้นมากเลย ช่วยได้เยอะ จากนั้นก็ไปดูพลอยที่ร้านขายพลอย เห็นว่าเป็นงานฝีมือคนจีน แต่เม็ดพลอยนำเข้าจากไทย

จากนั้นอีหนูก็หลับบนรถค่ะ แล้วก็แยกกับไกด์ท้องถิ่นตรงนี้ค่ะ ส่วนรถก็ออกไปต้าหลี่ตอน 15.00 น. ไปขึ้นรถไฟกลับคุนหมิง มาถึงก็ไปกินข้าวเย็นตอน 18.30 น. ถึงสถานีตอน 19.30 น. นั่งรอรถไฟที่ห้องรับรองจนถึง 22.00 น. รถไฟเทียบชานชลาก็ขึ้นไปจับจองที่นั่งในโบกี้ ตามที่ได้รับตั๋วมา รถไฟเริ่มขยับอีกทีตอน 23.00 น. นั่งคุยเล่นกับเพื่อนสาวทั้งหลายพักหนึ่ง ก็เข้านอน

วันที่ 15 มิถุนายน 2548
ตื่นมาอีกทีตอน 6.45 น. ไปล้างหน้า แปรงฟัน รอรถไฟไปถึงคุนหมิง รอ รอ รอ 7.40 น. ก็ถึงค่ะ

ต่อด้วยรถบัสเข้ามหาลัย ประมาณ 35 นาทีก็ถึงค่ะ (ออกจากสถานี 7.55 น. ถึง มหาลัย 8.30 น.)เข้าหอพัก เก็บข้าวของ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่สูทลงมาเข้าพิธีปิดการศึกษา รับใบประกาศฯ บวกใบเกรด ตอน 10.00 น. เสร็จสิ้นพิธีตอน 10.50 น. ถ่ายรูปหมู่ รูปเดี่ยว รูปคู่ รูปกลุ่มกันเป็นที่ระลึกก่อนแยกย้ายกันกลับห้อง ไปพักผ่อน พอใกล้ๆ เที่ยงอาจารย์ก็พาไปเลี้ยงส่งที่ร้านเดิม ตอนขามาค่ะ คราวนี้ทานอาหารจีนเป็นแล้ว เริ่มชินกับของมันๆ ก็เลยทานซ่ะเรียบ ไม่เหลือทิ้งเหมือนขามาวันแรกแล้วค่ะ

วันที่ 16 มิถุนายน 2548

มีงานเลี้ยงส่งค่ะ เพื่อนๆ ชาวจีน จัดให้ มีแลกเปลี่ยนการแสดงกัน พลัดกันโชว์ระหว่างเด็กจีนกับเด็กไทยค่ะ เสร็จแล้วก็พาไปเลี้ยง (อีกแล้ว) ที่ร้านอาหารเล็กๆ จองห้อง 2 ห้อง โต๊ะจีน สองสามโต๊ะ ไปกันไม่กี่คนค่ะ แบบว่าอยู่กันไม่ครบทุกกลุ่มอ่ะ พออิ่มก็แยกย้ายกันไปค่ะ ช่วงบ่ายก็ไปช็อปหาซื้อกระเป๋า และของกิน ของฝากที่อยากได้อีกนิดหน่อยค่ะ

วันที่ 17 - 18 มิถุนายน 2548

ทำอะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ค่ะ ไม่ได้บันทึกไว้ แต่จำได้ว่ามีจัดงานวันเกิดให้เป้า พอดีได้คูปองโรงอาหารมาฟรีกันคนละตั้งหลายสิบหยวน ตอนแรกว่าจะเอาไปแลกเป็นเงินสดเพราะใช้ไม่เป็น ป้าซูซี่ก็จะให้เอาไปขายต่อเพื่อนคนจีน แต่ไม่กล้าไม่มีใครรับซื้อด้วย สุดท้ายก็เลยต้องไปเหมาเอาเครื่องดื่มในโรงอาหารแทน ทั้งน้ำผลไม้ น้ำชา และอื่นๆ รวมไปถึงผีตัวเล็ก หอบหิ้วกลับห้องกันเป็นลังๆ บวกกับแกล้ม มาจัดเลี้ยงงานวันเกิด เมากันจนวินาทีของคืนสุดท้ายเลย พวกป้านี้

แต่ก็ยังใช้กันไม่หมดเลยค่ะ ไอ้คูปองเนี๊ยะ จะยกให้เพื่อนคนจีนก็ไม่ได้ เพราะเค้ามีปั้มตราระบุไว้ สำหรับเด็กไทยใช้เท่านั้น เช้าวันที่ 19 เลยต้องไปเหมาโรงอาหารอีกรอบ ใครมาช่วยยกกระเป๋าให้วันนั้น จะรู้จักก็ดี ไม่สนิทก็ช่าง ตัวเล็กแจกหมดเลยค่ะ แจกน้ำให้เค้าไปทั่วเหลือติดตัวไว้แค่ไม่กี่ขวดเอง--

--แหมม จะกลับบ้านแล้วค่ะวันนี้ เก็บเสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้บวกของฝากต๊องๆ ลงกระเป๋าจากที่ขามามีแค่เป๋าลากใบเดี๋ยว ไหงขากลับมีเป้ใบโตงอกออกมาอีกใบล่ะนี้ แถมยังหนักแบบสุดๆ อีกตะหาก ขนาดโล๊ะของที่มัน....เอามาห่อเป็นของขวัญแจกเพื่อนๆ ชาวจีนไปตั้งเยอะแล้วนะเนี๊ยะ (ชั่วร้ายมาก.....)

ก่อนขึ้นรถก็ลากตัวหนุ่มๆ ที่น่าร๊ากกกทั้งหลายมาถ่ายรูป ทั้งรูปเดี๋ยว รูปคู่ รูปหมู่ จนเม็มโมรี่เต็มก็ยังไม่วายเอากล้องหนูนกมาถ่ายอีกจนเต็มคราบ จริงๆ เครื่องตัวเล็กมันเต็มตั้งแต่กลับจากลี่เจียงแล้ว แต่ไม่ได้ไปลงแผ่นเลยถอดการ์ดเก็บแล้วใช้ระบบเซฟใส่เครื่องแทนอ่ะค่ะ

พอได้เวลาบ่ายสามโมงตรงก็เคลื่อนพลออกจากมหาลัย ดิ่งไปสนามบิน คนก็เยอะของก็แยะ ไหนจะหนุ่มๆ ที่ตามมาส่งบวกเป็นแรงงานช่วยยกกระเป๋าให้อีก รถตู้ 3 คันเต็มเอี๊ยดเลยค่ะ ส่วนหนุ่มๆ นะหรอ ยื่นเกาะเสาหน้าประตู่ค่ะ แบบว่าที่นั่งไม่พออ่ะ บอกให้มานั่งในใจตัวเล็กก็ไม่ยอมมา อิอิ ก็ต้องยืนไปจนถึงสนามบินนั้นแหล่ะ ดีว่าไม่ไกลมาก ไม่งั้นคงเมื่อยแย่เลย แต่ก็นะขนาดไม่ไกลกว่าจะไปถึงก็สี่โมงแล้วอ่ะค่ะ แบบว่ารถติดไฟแดงเป็นระยะๆ เลยนิ

ไปถึงสนามบินก่อนเข้าด้านในก็ยังไม่วายซน ถ่ายนู๊น ถ่ายนี้ เก๊กสวย เก๊กหล่อ เป็นดาราหน้ากล้องไม่หยุด แต่ก็ต้องหยุดเพราะจะจากกันแล้วนะ ต้องไปเช็คอินเข้าข้างในแล้ว เศร้าเลยค่ะ ต้องไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม จะได้เจอกันอีกหรือเปล่านะ ปีหน้าจะมีโอกาสได้มาอีกไหม จะเก็บเงินใหม่ทันหรือเปล่า อาจารย์จะยังจัดโครงการนี้หรือเปล่า กลับมาแล้วจะยังติดต่อกัน คุยกันได้เหมือนเดิมไหมนะ ยิ่งคิดยิ่งปวดหมอง พาลจะมีน้ำไหลจากตาเสียเปล่าๆ เลิกๆๆคิดได้แล้ว

ก็เข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่องออกจากคุนหมิง นานมากเลย กว่าจะได้ขึ้นเครื่องตั้งทุ่มนึง ถึงเชียงใหม่ก็ทุ่มครึ่ง มามีปัญหาก็ตรงนี้แหล่ะ ก็หนูนกสิดันเมาเครื่อง ไปยืนอ๊วกในห้องน้ำไม่เท่าไหร่ คุณนายดันลืมกล้องไว้ในนั้นด้วยเซ็งเลยค่ะ กว่าจะรู้ตัวกันก็ถึงกรุงเทพฯแล้ว สามทุ้มแล้วด้วย กล้องก็หาไม่เจอไม่มีคนเก็บ ไม่มีคนส่งคืน แง้ รูปอาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์หายวับเลยค่ะ เซ็งสิค่ะ ก็รูปเด็ดๆ มันอยู่ในกล่องหนูนกทั้งนั้นเลยอ่า.......

เซ็งเป็ด.......
เฮ้อ..............
เศร้า............
จบ......จบแล้วจ๊ะ......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น