วันที่ 15 มีนาคม 2548
เวลา 6.00 น. เดินทางออกจากบ้านไปท่าอากาศยานดอนเมืองโดยรถแท็กซี่ถึงสนามบินเวลา 7.25 น.
เจอกับเพื่อนๆ นักศึกษาเอกอื่นคุยกันก็ OK. นะ ให้เขาสอนผูกไท้ให้ด้วย กระเป๋าเธอใบใหญ่มากๆ ไม่รู้ขนอะไรมา เทียบกับของเราแล้วเหลือใบจี๊ดเดียวเอง พอช่างน้ำหนักแล้วแค่ 11.8 กก. เองเบามาก (เขาให้ไม่เกิน 25 กก.) มีเพื่อนห้องอื่นเอาถุงมาฝากด้วย รู้สึกจะมีแต่ของกินเลยกลายเป็น 14.8 กก. ชั่งกระเป๋าเสร็จก็พากันถ่ายรูป สรุปแล้วนักศึกษาไทยที่ไปมีทั้งหมด 28 คน
เวลา 10.55 น. ขึ้นเครื่องบินเที่ยว TG612 ที่นั่ง A40 ริมหน้าต่าง ได้ชมวิวสวยๆ ด้วยหล่ะ อาหารก็ โอเคนะ อร่อยดี เสียดายไม่ได้ชิมไวท์ เพราะหน้าเด็กมั้งพี่แอร์ฯเลยไม่เสริฟให้อ่ะ มีสั่นสะเทือนนิดหน่อยตอนนั่ง ไปถึงคุณหมิง 13.45 (เครื่องออกตอน 11.00 น.) ถึงไวจริงไม่ทันได้หลับเลย ถึงและ ก่อนเครื่องลงเห็นวิวสวยสุดยอด มีป่าแยะเลย ตึกสูงๆมีเป็นจุดๆ ส่วนไหนไม่มีก็คือไม่มี แต่จะมีบ้านแบบธรรมดา มีสวนผักด้วยเต็มเลย ถนนส่วนใหญ่เป็นลูกรัง มีลาดยางสายเดียวเอง (ที่เห็นจากวิวนะ)
ก่อนลงจากเครื่องเห็นแดดข้างนอกนึกว่าจะร้อนหรืออุ่นๆ ที่ไหนได้ ลมแรงมาก... ดีนะที่ใส่เสื้อมาหลายชั้น ประมาณ 25 องศาเห็นจะได้ เหมือนอยู่ในห้องแอร์เลย ทั้งที่ไม่ได้เปิดเป็นลมธรรมชาติ อากาศดีสุดๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้มลพิษ ต่างจากกรุงเทพฯ อย่างเห็นได้ชัด เท่าที่เห็นประชากรส่วนใหญ่จะเดินหรือปั่นจักรยานกัน ถ้าเป็นรถก็เป็นคันเล็กๆ คันใหญ่ๆจะเป็นพวกรถประจำทาง แท็กซี่ก็มีแต่ท่าทางน่ากลัวมาก (จริงๆ ก็ไม่มีไรหรอก ไว้ใจได้พอสมควร แต่ก็ไม่ควรนั่งคนเดี๋ยวหรอกนะ มันเปลือง)
มีอาจารย์กับนักศึกษาจีนมารับด้วยหล่ะ ช่วยเข็นกระเป๋าให้ด้วยดีจัง เอารถบัสมารับเปิดฮีทเตอร์อุ่นๆ มี KARAOKE ด้วย แต่ฟังไม่ออกหรอก ก็เป็นภาษาจีนล้วนๆ เลยนิ แต่ทำนองเพราะดี มิวสิกเป็นวิวธรรมชาติ มีคนใส่ชุดประจำชาติ และท้องถิ่น ออกมาเต้นด้วยสวยดี
เด็กนักศึกษาจีนที่มารับก็น่ารักดี น้ำใจงี้พกมากันเพียบเลย แบบว่าเพื่อนๆ กระเป๋าใบใหญ่เขาก็ช่วยแบกขึ้นหอพักเกือบทุกคน และทุกชั้นเลยหล่ะของเราด้วย (มี 6 ชั้นอ่ะ สูงนะ ไม่มีลิฟต์ด้วย กรี๊ด.... ตรงข้ามเป็นหอพักชาย) ตอนแรกเราก็ยกเองแหล่ะไม่กล้าใช้ใครหรอก เพราะเราใบเล็กๆ แต่ก็ถือว่าหนักพอสมควรสำหรับเรา หิวถึงประมาณชั้น 2 เขาเดินลงมาเจอก็ช่วย ปลื้มสุดๆ เลยหล่ะ ดูเขาช่วยยกตั้งหลายรอบเหนื่อยแย่เลย จะขอบคุณเขาไงดีหล่ะ เอ่อ “เซี่ยะ เซียะ หนี่” บ๊ะเสียงเบางี้เขาจะได้ยินไหมนี่ “ไม่เป็นไรครับ” อ๊ะพูดไทยได้ด้วย พูดเพราะอีกตากหาก อืม “ไจ้เจียน” “ไจ้เจียน” โบกมือบ้ายบายขอบคุณแล้วก็ลา (ได้รู้ภายหลังว่าคนๆนี้ ชื่อ วันคุนลี่ ‘WangKunli’ เรียนท่องเที่ยวเอกภาษาไทย เลยพูดไทยได้นิดหน่อย)
16.50 น. อาจารย์พาไปกินข้าวที่ไหนไม่รู้ แต่ดูจะเป็นภัตรคารมีระดับอ่ะนะ ก็แยกกันนั่งทานเป็นโต๊ะๆ ไป เป็นโต๊ะกลมมีกับข้าวแยะมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นของจืดๆ กับมันๆ เรากินได้หมดแหล่ะ มีน้ำ 2 อย่าง คือ น้ำส้ม กับแป๊บซี่ แต่ไม่มีน้ำแข็งอ่ะ เราเลือกแป๊บซี่ท้องเลยอืดอิ่มเพราะน้ำนี่แหล่ะ มีจานหนึ่งเป็นปลาไรก็ไม่รู้ใส่ฮะเก๋าด้วย อุอุของโปรดยัดเข้าไปทั้งลูกโอ้แม่เจ้า เผ็ดลิ้นชาเลย เครื่องเทศไรเนี๊ยะ โหย.... จานอื่นก็จืดๆมันๆ กินกันไม่หมดเสียดายจัง ตบท้ายด้วยผลไม้สีแดง ได้แก่ แตงโม สตรอเบอรี่ และมะเขือเทศลูกเล็กๆ อร่อยๆ กินน้ำมาก ก็ต้องเข้าห้องน้ำ เหอะๆ ก็เหมือนบ้านเราแหล่ะ แต่น้ำเย็นมากๆๆ ยิ่งกว่าน้ำแช่ช่องฟรีต์อีก ทำให้นึกไปถึงเรื่องไททานิค แจ็คกับโร๊สคงหนาวน่าดู
19.00 น. ก็กลับหอพัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำเย็นมาก ห้องอื่นบอกว่ามีน้ำร้อน แต่ทำไมของเราหมุนหาจนน้ำท่วมก็ยังไม่เจอเลยอ่ะ แย่จัง
21.00 น. อาจารย์เรียกประชุม และคืนเงินให้ 500 หยวน ส่วนอีก 500 เก็บไว้เป็นค่าไปเที่ยวในวันหยุด อาจารย์เล่าว่าเวลาซื้อของให้ระวัง และรู้จักต่อราคา เช่น 10 หยวน ก็ต่อสัก 7 หรือต่ำกว่านั้น ถ้าไม่ได้ก็ให้เดินออกมาเลยอย่ายิ้ม เพราะจะเป็นการดูถูกเขา ถ้าเขายอมก็จะวิ่งตามมาเอง เวลาจะไปซื้อของหรือไปข้างนอกให้ไปกันเป็นกลุ่มๆ อย่าไปคนเดียวอันตราย
เพื่อนที่เคยมาปีที่แล้ว (โหยวลี่) เล่าว่า ‘ปีก่อนเราโดนล้วงกระเป๋าหายทั้งใบเลย ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้อีกที่เกลี้ยงหมดแล้ว ฉะนั้นให้พกเงินติดตัวแค่พอใช้ก็พอ และให้เก็บไว้หลายๆที่ อย่าเก็บไว้ที่เดียว เพราะถ้าหายแล้วจะเสียใจ’
พี่เอ หรือเตียวเหว่ย (เคยมา 3 ครั้งแล้ว เพื่อนเพียบ) บอกว่า ‘เมื่อประมาณบ่ายโมงของวันนี้มีการจี้กันเกิดขึ้น คือมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหนีผู้ชายเข้ามาในมหาลัย พอยามจะค้นตัวผู้ชายคนนั้นเขาก็ไม่ให้ วิ่งตามเข้ามาเลย ผู้หญิงวิ่งขึ้นบันไดไม่ทันไรก็ถูกจี้ เอามีดจ่อคอจนเลือดไหล ยามตามมาช่วยไว้ได้ทันจึงรอดตาย ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงบ้าง ส่วนคนร้านก็ถูกจับส่งตำรวจไป ฉะนั้นจะทำอะไรก็ให้ระวังตัวอยู่เสมอ รู้จักดูแลตัวเอง หากเดินอยู่ข้างนอกเจอคนกำลังล้วงกระเป๋า ให้เดินไปสะกิดเขา แล้วรีบเดินหนีไปไกลๆ เลย ปีก่อนมีคนเข้าไปเตือน แล้วไม่หนีคนร้ายเลยตามมาเอาเรื่องถึงมหาลัย ดีที่เอาตัวรอดได้ ไม่งั้นคงเป็นศพ จริงๆนะไม่ได้ขู่’
อาจารย์ว่า ‘ให้รู้จักวางตัวเป็นผู้ดี หนักนิด เบาหน่อย ก็ให้อภัยกันไป อย่าทะเลาะกัน ถ้าไม่พอใจอะไรกันให้เคลียร์กันให้เข้าใจ แล้วดีๆ กันเข้าไว้ เรื่อง เทป ซีดี หนังโป้ ไพ่ก็ห้าม อะไรไม่ดีครูห้าม ขอร้องทำตัวดีๆ ขาดเหลืออะไรก็บอกอาจารย์ติง ถึงติงเขาจะพูดไทยไม่ได้ แต่ถ้าเราพยายามใช้ท่าทางประกอบเขาก็รู้เรื่อง ถ้าเราทำดี เขาก็จะดูแลเราดี แต่ถ้าทำให้เขาเกลียด เขาก็จะไม่ยุ่งกับเราอีก’
ประชุมเสร็จ 22.30 น. ก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้องไปนอน นัดเจออีกทีพรุ่งนี้เช้าตอน 7.30 น. ไปกินข้าวที่โรงอาหารฟรี
_______________________________
สรุปแล้ว ภาษาจีนคำแรกที่ได้พูด ก็คือ “เซี่ยะ เซียะ หนี่” (谢谢你) ซึ่งแปลว่า ขอบคุณ
กับ “ไจ้เจียน” (再见) ที่แปลว่า ลาก่อน และ/หรือ แล้วพบกันใหม่ นั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น