2552/10/09

My Diary in China 2003 # 9

วันที่ 22 มีนาคม 2548

ตื่นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ทำกิจวัตรเสร็จก็ลงไปซื้อซาลาเปา มากินบนห้องเรียนระหว่างรอจารย์ วันนี้มีเรียนสามคาบ คือวิชาอ่าน-เขียน, ฟัง (หัดร้องเทียนมี้มี่) กับอ.ตงหยุน (Dong yun Laoshi) อาจารย์น่ารักมากเลย หน้าเด็กๆ และดูเขาทำอาหาร

ตอนเที่ยงขี้เกียจลงไปซื้อข้าว เลยให้บัตรป้าไปซื้อมาแบ่งกันกิน บ่ายสองก็ไปดูเขาทำอาหาร ตึกนั้นอยู่ไกลมาก (แถวๆ ประตูใหญ่) เรากะเวลาผิดเลยไปช้า 2-3 นาที ช่วงระหว่างทางเจอจินจงที่ร้านค้าเลยทัก ก็คุยกันนิดหน่อยระหว่างรอลูลู่ซื้อน้ำ เสร็จแล้วก็รีบไปเรียน

ก็มีสอนว่าของชิ้นนี้เรียกว่าอะไร แล้วเขาก็ทำกับข้าวให้พวกเราชิม 4 อย่าง ตอนท้ายๆ ใครอยากลองทำเขาก็ให้ลงไปช่วย หม่ำกันหมดก็เก็บข้าวของและเลิกเรียน ก็พากันนั่งรถเมล์ไปเดินคาร์ฟู (ที่คุนหมิงเรียกว่า คาร์เร่อฟูร์ - Carrefour)

ซื้อของเสร็จก็นั่งรถกลับสายเดิมคือ 56 คนแยะมาก แต่พวกเราได้นั่งนะ เด็กนักเรียนจีนคุยกันเสียงดังมาก เป้ารำคาญแต่ไม่รู้ว่าจะบอกให้เขาพูดเบาๆ ยังไงดี ก็เลยต้องทนไป ทีแรกตั้งใจว่าจะลงหน้าประตูใหญ่แต่เพิ่งลงไปกันแค่ 3 คน รถก็ออกแล้ว จะลงป้ายถัดไปก็ไม่ได้เพราะมันไกล ก็เลยไปลงประตูหลังที่ขึ้นกันตอนแรก ระหว่างทางแวะซื้อของกันนิดหน่อย (บนรถเมล์ไม่มีกริ่งอ่ะ เขาจอดให้ทุกป้ายแหล่ะ แต่ต้องลงไวไว ไม่มีกระเป๋ารถเมล์ด้วยนะ มีแค่คนขับ กับกล่องใส่เงินติดกล้องวงจรด้วยไว้ดูว่าหยอดจริงอ่ะเปล่าหล่ะมั้ง ก่อนขึ้นก็ต้องเตรียมเศษสตางค์ไว้ให้พร้อม เพราะหยอดไปแล้วไม่มีถอน-คืนหรอกนะ)
พอกลับมาเจอเป้าๆ บอกว่าไปกินข้าวมา ตะกี้เจออ.หม่าอี้ด้วย โดนดุเลย เพราะตอนพวกเราออกไปกันได้ไม่นาน อ.ก็เรียกประชุม (ไม่มีอะไรหรอก แค่แจกของฝาก) เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็ขึ้นห้องไปเก็บของ เคลียร์เงิน หาอะไรหม่ำแล้วก็อาบน้ำนอน

*** เมื่อตอนเช้าโดนพวกเตียวเหว่ยว่าด้วย เกี่ยวกับเรื่องเสียงดัง สงสัยว่าพวกตรงข้ามจะโดนด้วย เลยไม่มีใครกล้าส่งเสียงหยอกล้อพวกเราอีก คือต่างคนต่างเงียบกันหน่ะ

วันที่ 23 มีนาคม 2548

เป็นอีกวันที่แสนจะเงียบเหงา ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กห้องอื่นถึงทำท่าไม่ยอมจะพูดด้วย อย่างเช่นว่าทุกที เราใส่เสื้อไม่กี่ชั้นเขาก็จะมาเตือนเรา ถามเราว่าไม่หนาวเหรอ แต่พอผ่านมาวันนี้กลับทำเฉย คุยด้วยก็ทำเหมือนไม่ค่อยอยากจะคุยด้วย ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ เหมือนพวกเราเป็นชนกลุ่มน้อย ติดเชื้อโรคอะไรประมาณนั้น (ไม่รู้คิดมากไปไหม แต่มันรู้สึกได้ จริงๆ นะ)

วันนี้เป็นวันพุธมีเรียน สามคาบ คือ ฟัง, ฟัง-พูด และวัฒนธรรม

ตอนเที่ยงก็ไปซื้อข้าวกับเพื่อนๆ (กินกับป้าอีกตามเคย) ก็ไปช่วยกันเลือกว่าจะกินอะไรดี บัตรป้ามีปัญหาตืดไม่ค่อยติด เสียอารมณ์จริงๆ ตอนบ่ายเรียนเสร็จก็ขึ้นห้องไปนั่งฟังเพลง ทำกิจวัตร บ้างก็ซักผ้า บ้างก็ทำการบ้าน พอตกเย็นก็ไปหาข้าวกิน เสร็จก็ไปเดินห้างวอมาร์ค กว่าจะเดินไปถึงก็ทุ่มกว่า ก็เดินซื้อของกันแป๊บเดียวก็กลับ เอาของไปเก็บแล้วก็ลงไปดูเขาเล่นบาสกันแป๊บหนึง ซ่ะเมื่อไหร่ เป้ากับพีระไปขอยืมกีตาร์ของอาจงมา (จินจง) ก็เลยไปนั่งฟังแล้วก็ร้องตาม พอประมาณ 4 ทุ่มก็ขึ้นไปนอน

วันที่ 24 มีนาคม 2548

เช้าวันนี้อุณหภูมิอยู่ที่ 7-12 องศา หนาวมาก ฝนตกเกือบทั้งวันเลย พูดทีไอ-ควัน ออกเลยหล่ะ จริงๆ วันนี้มีเรียน 4 คาบ คือ สภาพมณฑล สนทนา พูด และไทเก็ก แต่เนื่องจากอาจารย์ไช่หลิงไม่อยู่ อาจารย์ภาเลยมาสอนแทน แต่อ.ภา ติดประชุมตอนบ่าย เลยไม่ได้สอน กว่าจะประชุมเสร็จก็สี่โมงกว่า
พวกเราเห็นว่าฝนมันตกเลยขอไม่เรียนไทเก็กได้ไหม อาจารย์ภาก็บอกว่า

“เดี๋ยวครูจะไปพูดให้ ตอน 3 โมงอ่ะ พวกคุณ...รอที่ห้องเรียนไปก่อนนะ ถ้า 4 โมยังไม่เห็นครูมาค่อยไปรอที่หอละกัน”

ก็ไปรอกันนานมาก หนาวมากด้วย อาจารย์ก็ไม่มาเลยเดินกลับหอ เตียวเหว่ยบอกว่าวันนี้คงไม่ได้เรียนไทเก็ก แต่ยังไงก็ให้รอกันที่ห้องก่อน อย่าเพิ่งไปไหน

แต่ป้าจะไปเอากางเกงที่เอาไปซ่อมซิป เราเห็นว่าไปเดี๋ยวเดียวก็เลยตามไป เอากางเกงเสร็จป้าก็พาเราไปซื้อเสื้อกันหนาว (ที่เอาไปมันไม่พออ่ะ ช่วงนั้นหนาวมากๆ ใส่ 5-6 ชั้น ก็ยังไม่อุ่นขึ้นเลย-ปกติเราจะใส่แค่สามชั้นนะ) แล้วก็เดินกลับ พอกลับมาไม่เจอใครเลย เดินไปดูที่สนามบาสก็ไม่มี เดินไปดูตรงสนามแถวโรงอาหารก็ไม่พบ (ที่เรียนไทเก็ก) ระหว่างทางเจออาจง ก็เลยถามเขา แต่พูดไม่ถูก ได้แค่ “หวอเพิงโหยว” (wo peng you: เพื่อนของฉัน) ก็เลยให้เขาช่วยโทรหาอ.ภา แต่ไม่มีคนรับสาย เลยขอตัวเดินไปดูที่ห้องเรียนก็ไม่เจอ เลยกลับหอให้ อ.ติงเปิดประตูให้ ขึ้นมาก็ลองโทรอีก 2-3 รอบ ก็ไม่ติด เลยต้มมาม่ากินกัน สักพักหลินหลินกับกันกัลก็กลับมา ป้ากับลูลู่วิ่งลงไปถามว่า “ไปไหนมา” ‘ไปเรียนไทเก็กกันที่โรงอาหารชั้น3’ “เค้าเดินไปหาตั้งหลายที่ไม่เห็นเจอใครเลย”

กันกัลก็ว่า ‘ตอนแรกก็ไปตามแล้วนะ ที่ร้านเสื้อ ส่วนพีระวิ่งไปหา แต่ไม่เจอ ก็เลยไปเรียนกัน อาจารย์นับคาดไปสี่คน แต่ไม่รู้ว่าใครบ้าง ตอนแรกอาจารย์ภาไปคุยให้แล้ว แต่อาจารย์ที่สอนเขาไม่ยอม ก็เลยวิ่งมาตามให้ไปเรียนกัน ก็ไม่มีอะไรมากหรอก สอนท่าเดิมท่าเดียว’
จากนั้นก็พากันคลุกตัวบนห้องจนถึง 1 ทุ่ม ก็ลงมาเรียนพิเศษที่ชั้นล่าง เหมือนเดิมก็สนุกดี.

วันที่ 25 มีนาคม 2548

วันนี้อุณหภูมิอยู่ที่ 6-15 องศา ยังคงหนาวอยู่ ตอนเช้าก็แต่งตัว ไปเรียนเหมือนเดิม เช้าเรียนของจารย์ภา คาบสองเรียนพู่กัน ได้ชื่อตัวเองมากันคนละแผ่นจากเหล่าซือหยาง จากนั้นก็มาหัดเขียนกันเอง แต่ดูแล้วมานไม่ค่อยจะได้เรื่องเอาเสียเลย เสร็จแล้วก็ไปหาข้าวกิน แล้วก็นั่งฟังเพลง และทำการบ้าน พอประมาณบ่าย2 อาจารย์หม่าอี้ก็เรียกประชุม

จารย์ถามว่าเมื่อวานใครไม่ได้ขึ้นไปเรียนไทเก็ก 4 คน พวกเราก็ยกมือรับแต่โดยดี แล้วอาจารย์ก็ถามเหตุผล ซึ่งรับไม่ค่อยได้หรอก แต่เราก็มีข้อแก้ตัวได้ทุกประเด็นแหล่ะ อย่างโทรหาอาจารย์ภาแล้วก็ไม่ติด จะถามติงเหล่าซือก็ไม่รู้ว่าต้องพูดไงบ้าง อาจารย์จึงปิดประเด็นนี้ไป เปิดเรื่องอื่นๆ ต่อ

แล้วสุดท้ายก็หันมาถามว่า ‘พรุ่งนี้ถ้าอากาศดี ใครจะไปเที่ยวโหลวซวนบ้าง’ ชาวบ้านเขาก็ไปกัน มีพวกเรา 8 คน ยกคอกไม่เอา อาจารย์เลยว่า ‘ก็ตามใจพวกคุณ พรุ่งนี้ถ้าอากาศดีใครจะไปไหนก็ไป แต่ให้กลับก่อน 1 ทุ่ม เพราะอาจารย์จันจะกลับมาตอนนั้น’ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปได้

วันนี้ตอนช่วงบ่ายมีเด็กญี่ปุ่นมาอยู่ด้วย ที่ชั้น2 และ3 เป็นเด็กผู้ชายทั้งนั้นเลย (น่ารัก \(>_<)/ โดนใจ..อิ) ส่วนเด็กผู้หญิงไปอยู่อีกตึกหนึ่ง

ตอนเย็นพวกเราลงไปเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงกันหน้าตึก พี่แป๊กก็ลงมาฟัง เด็กจิปุ (ญี่ปุ่น) ก็โพล่หน้าลงมาดู สักพักก็มีเดินลงมาหนึ่งคน พี่แป๊กเลยชวนเขามาฟังด้วย ก็คุยกันพอรู้เรื่อง (Speck English) นิดหน่อยแล้วก็พากันถ่ายรูป เสร็จแล้วเขาก็ขึ้นห้องไปพวกเราก็อยู่ต่อกันจน 4 ทุ่มจึงขึ้นนอน

ปล. วันนี้ฝนตกหนักอีกเหมือนกัน ตอนเช้าเลยไม่มีน้ำอุ่นอาบ ก็ได้แค่ล้างหน้า แปรงฝัน แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรียน (เสียวฟันจะแย่ น้ำหนาวอ่ะ บรือ... +o+)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น